หลายคนคุ้นเคยกับ PM.2.5 กันมาแล้วเพราะปัญหาเรื่องฝุ่นขนาดเล็กได้ทำให้คนทั้งโลกวิตกกังวลกันมานานหลายปีแล้ว ปีนี้ปัญหาเรื่องฝุ่นก็ไม่ได้ทุเลาลงไป เพียงแต่มีปัญหาเรื่องโควิด-19 เข้ามาเพิ่มจึงทำให้ความสนใจเรื่องฝุ่น PM 2.5 ดูด้อยลงไปเท่านั้นเอง พูดถึงฝุ่น PM. 2.5 นี้เป็นฝุ่นที่มีขนาดเล็กมาก เล็กจนมองไม่เห็น เล็กแค่ไหนลองจินตนาการดูว่าหากเราดึงเส้นผมออกมาสักเส้น แล้วเอาฝุ่น PM. 2.5 มาวางแปะรอบ ๆ เส้นผม ต้องใช้ฝุ่นนี้ประมาณ 40 เม็ดเลยทีเดียว ดังนั้นการป้องกันที่มีประสิทธิภาพที่สุดสำหรับมวลมนุษย์ก็คือ เครื่องฟอกอากาศ PM 2.5

ความอันตรายของฝุ่นนี้หากไม่มี เครื่องฟอกอากาศมีผลกับระบบทางเดินหายใจโดยตรง ยิ่งหากเป็นผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับเรื่องระบบการหายใจหรือเป็นภูมิแพ้อยู่แล้วก็ยิ่งแสดงอาการได้ชัดเจนขึ้น ฝุ่นที่มีขนาดเล็กเช่นนี้จะเข้าไปได้ลึกขึ้น ปกติแล้วร่างกายจะมีความชื้นตลอดช่องทางที่อากาศผ่านเข้าไปตั้งแต่จมูกไปจนถึงปอด เพื่อดักจับฝุ่นไม่ให้ผ่านเข้าไป แต่ฝุ่นขนาดเล็กเช่นนี้ ระบบทางเดินหายใจที่ถือว่าเป็นเครื่องฟอกอากาศตามธรรมชาติก็ไม่สามารถดักจับฝุ่นไว้ได้ทั้งหมด เมื่อฝุ่นเหล่านี้ไปสะสมในร่างกายก็เป็นสารก่อมะเร็งได้เพราะเป็นสิ่งแปลกปลอมที่ร่างกายไม่รู้จักจึงพยายามต่อต้านจนทำให้เกิดเป็นก้อนเนื้อร้ายอยู่ภายในร่างกายได้ ฝุ่นที่มีขนาดเล็กเช่นนี้สามารถเล็ดลอดเข้าไปในหลอดเลือดได้ หลอดเลือดไหลไปถึงอวัยวะส่วนใด เจ้าฝุ่นนี้ก็สามารถไปถึงอวัยวะนั้นได้ และเกิดมะเร็งที่อวัยวะนั้นได้เช่นกัน นี่คืออันตรายที่หลายคนมองข้ามไป คิดว่ามันก็แค่ฝุ่น แต่จริง ๆ แล้วมันอันตรายมากกว่าที่เราเคยจินตนาการไว้มากนัก ข้อมูลจากการวิจัยเรื่องฝุ่นขนาดเล็กยังบอกไว้อีกด้วยว่าในปริมาณที่ตรวจวัดฝุ่น PM.2.5 นั้นในฝุ่น PM.2.5 จะมีฝุ่น PM.1ซึ่งเป็นฝุ่นที่เล็กกว่าPM.2.5 อยู่มากกว่าร้อยละ 80 อีกต่างหาก

จากข้อมูลเหล่านี้จะพบว่าหากคุณต้องการพื้นที่ที่ปลอดภัยมันเลี่ยงไม่ได้เลยที่จะมองหาเครื่องฟอกอากาศ PM 2.5 ที่มีประสิทธิภาพสูง ๆ ไว้เพื่อฟอกอากาศที่คุณหายใจอย่างน้อยก็ภายในบ้านคุณเองก็ยังดี เครื่องฟอกอากาศจะสามารถดักจับฝุ่นขนาดเล็กได้ เพราะมีระบบฟอกอากาศ 2 ระบบ ระบบแรกคือระบบแผ่นกรองหรือที่รู้จักกันว่าเป็นแผ่น Hepa ที่สามารถกรองฝุ่นขนาดเล็กได้ อีกระบบคือระบบไฟฟ้าสถิตที่ดักจับฝุ่นที่มีขนาดเล็กว่า 2.5 ไมครอนได้ด้วย ฝุ่นขนาดเล็กเมื่อเคลื่อนที่ผ่านอากาศจะถูกเสียดสีจนทำให้เกิดประจุไฟฟ้า เมื่อผ่านเข้าไปในสนามไฟฟ้าสถิตก็จะถูกดักจับเอาไว้ได้ ดังนั้นเครื่องฟอกอากาศ PM 2.5 นี่แหละที่จะช่วยให้คุณมั่นใจได้ว่าอากาศที่หายใจเข้าไปนั้นสะอาดจริง ๆ

ในยุคที่ความเจริญได้เข้ามาแทรกซึมกระจุกตัวอยู่ตามเมืองใหญ่ ๆ หลายพื้นที่ ทำให้จำนวนอาคารบ้านเรือน โรงงานอุตสาหกรรม รวมถึงรถที่ใช้พลังงานน้ำมันได้เพิ่มตามขึ้นมา ซึ่งเป็นแหล่งกำเนิดของมลพิษและมลภาวะต่าง ๆ แต่ทว่าสิ่งพวกนี้ ไม่ได้เกิดขึ้นแค่บนท้องถนน หรือภายนอกเพียงเท่านั้น ภายในบ้านของเราเอง ก็ยังเป็นแหล่งที่เต็มไปด้วยมลภาวะทางอากาศ สาเหตุที่ก่อให้เกิดโรคภูมิแพ้ ไม่ว่าจะเป็นฝุ่นละออง แบคทีเรีย ไวรัส ฝุ่นไร เชื้อรา และสิ่งที่ได้ปนเปื้อนมาพร้อมกับอากาศ

ตัวช่วยที่หลายคนเลือกใช้ในปัจจุบันก็คงจะหนีไม่พ้น “เครื่องฟอกอากาศ” ที่จะเป็นผู้ช่วยคุณในการจัดการกับมลภาวะในบ้านเหล่านี้ ยิ่งถ้าหากว่าบ้านไหนมีลูกน้อยอยู่ด้วย เครื่องฟอกอากาศยิ่งเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างมาก เพราะการที่ลูกน้อยได้รับอากาศที่บริสุทธิ์ในบ้านย่อมส่งผลดีต่อสุขภาพในระยะยาว

มาดูกันว่าเพราะอะไรเราจึงควรมี ‘เครื่องฟอกอากาศ’ ติดบ้านไว้

  • ช่วยให้ปอดทำงานดีขึ้น หลังจากที่คุณไปผจญภัยกับมลพิษต่างๆนอกบ้านอย่างแสนสาหัส อย่างน้อยกลับบ้านมาเจอกับอากาศที่ดีในบ้าน ซึ่งจะเป็นการผ่อนคลาย และช่วยฟอกปอดของคุณให้แข็งแรง เพราะการได้สูดอากาศที่สดชื่น ย่อมมีผลให้ร่างกายได้รับแต่สิ่งที่ดีและลดการทำงานหนักของปอดลงได้ ส่งผลไปถึงสุขภาพของคุณดีขึ้น
  • ช่วยปกป้องโรคภัยไข้เจ็บ โดยเฉพาะโรคเกี่ยวกับทางเดินหายใจต่างๆ เพราะในอากาศเต็มไปด้วยละอองฝุ่น และอะไรต่างๆมากมายที่คุณมองไม่เห็นด้วยตาเปล่า เครื่องฟอกอากาศก็จะช่วยกรองสิ่งต่างๆ ออกไปและช่วยให้คุณสูดอากาศที่ปลอดภัย
  • ลดอาการภูมิแพ้ลง ไรฝุ่น ละอองฝุ่น เป็นอย่างที่รู้กันว่าเป็นสาเหตุหลักๆของการระคายเคืองต่างๆของคนที่เป็นภูมิแพ้ เครื่องฟอกอากาศก็จะช่วยดักจับฝุ่นละอองต่างๆทำให้ อาการภูมิแพ้ดีขึ้นและทุเลาลงนั้นเอง
  • นอนหลับสบายยิ่งขึ้น ข้อนี้จะเป็นข้อดียิ่งขึ้นกับคนที่หลับยาก หลับไม่สนิท หลับๆตื่นๆ อ่อนเพลีย ที่สาเหตุมาจากอากาศและฝุ่นละออง เครื่องฟอกอากาศจะทำหน่าที่ของมันและทำให้ปัญหาเหล่านี้น้อยลงและทำให้คุณหลับสนิทตลอดคืนทำให้พักผ่อนได้เพียงพอ ส่งผลให้สุขภาพของคุณดีขึ้นอีกด้วย

ปัจจุบันคนเป็นโรคภูมิแพ้มากขึ้น 4 เท่า เมื่อเทียบในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ด้วยสาเหตุหลายๆด้าน ไม่ว่าจะเป็นปัญหาสภาพมลภาวะอากาศที่ไม่ดี ฝุ่นควันในเมืองที่เกินมาตรฐาน สิ่งแวดล้อมอันแออัด เมื่อเทียบอัตราส่วนจากที่กล่าวมา ไม่ว่าคุณหรือคนในครอบครัวต้องมีคนที่เป็นโรคภูมิแพ้อย่างน้อยหนึ่งคน ดังนั้น เรามีเคล็ดลับดีๆในการรักษาความสะอาดภายในบ้านของคุณทำให้ห่างไกลภูมิแพ้มากขึ้น

1. หมั่นทำความสะอาดบ้านเป็นประจำ

เป็นวิธีที่เบสิคมากแต่ทำได้ยาก ด้วยเนื่องจากภาระหน้าที่การงานต่างๆทำให้เราทำความสะอาดอยู่อาศัยได้น้อยลง แต่เชื่อเถอะเจียดเวลาแล้วลุยปัดฝุ่นเช็ดถูบ้านอยู่บ่อยๆจะช่วยการลดสิ่งสกปรก ที่ก่อให้เกิดอาการภูมิแพ้และลดการกระตุ้นโรคภูมิแพ้ฝุ่น

2. เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท แดดส่องถึง

การที่ทุกๆบ้านมีเครื่องปรับอากาศในบ้านทำให้อากาศไม่ถ่ายเทไม่สะดวก ทำให้สารเคมีและฝุ่นละอองต่างที่อยู่ภายในบ้านเติบโตได้ดี แก้ไขง่ายๆด้วยการเปิดหน้าต่างให้อากาศระบายออก

3. ติดมุ้งลวด

การติดมุ้งลวดไม่ว่าจะเป็นหน้าต่างประตูบ้าน ก็จะช่วยเป็นการกรองฝุ่นให้เข้ามาในตัวบ้านน้อยลง และเราสามารถเปิดหน้าต่างและประตูได้ อากาศจึงถ่ายเทมากขึ้นทำให้บรรยากาศภายในห้องไม่อับ และไม่สะสมเชื้อโรค

4. ซักทำความสะอาดเครื่องนอน

เพราะชีวิตประจำวันเราอยู่บนที่นอนประมาณ 6 – 8 ชม. การที่หมั่นซักผ้าคลุมที่นอน ปลอกหมอน หมอนข้าง จะช่วยยับยั้งการเกิดโรคภูมิแพ้ได้ดีที่สุด

วิธีง่ายๆเหล่านี้ทำให้บ้านของเราปราศจากสิ่งสกปรก ไรฝุ่น ฝุ่นละอองต่างๆที่เป็นสารก่อภูมิแพ้ อาจจะไม่ใช่ทั้งหมดแต่จะช่วยให้อาการของภูมิแพ้ลดน้อยลงได้เลยทีเดียว

ในช่วง 1-2 ปีมานี้ ประเทศไทยเราได้เผชิญกับวิกฤติจากมลภาวะและสภาพแวดล้อมที่เป็นพิษอย่างหนักทั้งในเขตกรุงเทพฯ และในอีกหลายจังหวัด โดยเฉพาะปัญหาฝุ่นละออง PM 2.5 ที่มีค่าสูงเกินมาตรฐานในหลายพื้นที่ ซึ่งได้กลายเป็นภัยเงียบที่ทำลายสุขภาพได้ไม่น้อยเลยทีเดียว

PM 2.5 คืออะไร?

PM 2.5 คือ ฝุ่นที่มีอนุภาคขนาดเล็ก มีเส้นผ่านศูนย์กลางเฉลี่ยไม่เกิน 2.5 ไมครอน โดยฝุ่นพิษเหล่านี้เกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ อาทิ ควันท่อไอเสียรถ การเผาป่า การเผาขยะ ฝุ่นจากการก่อสร้าง กระบวนการอุตสาหกรรม เป็นต้น โดยปกติแล้ว PM 2.5 นั้นไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่า แต่หากมาอยู่รวมกันในปริมาณมากจะมองเห็นเป็นหมอกควันหรืออากาศที่ขมุกขมัวอย่างที่เห็นกันในทุก ๆ เช้านั่นเอง

อันตรายจาก PM 2.5 ที่คุณอาจคิดไม่ถึง

ด้วยอนุภาคที่มีขนาดเล็กกว่าเส้นผมของคนเราถึง 20 เท่า PM 2.5 จึงสามารถเข้าสู่ร่างกายผ่านการหายใจไปถึงถุงลมปอดและหลอดเลือดได้อย่างง่ายดาย ในเบื้องต้นจะส่งผลให้เกิดอาการไอ จาม หายใจลำบาก ภูมิแพ้ หรือเป็นลมพิษ นอกจากนี้ ยังส่งผลให้เกิดโรคในระบบทางเดินหายใจ และโรคปอดต่าง ๆ อาทิ โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง หลอดลมอักเสบ ฯลฯ หรือทำให้โรคกำเริบร้ายแรงขึ้น ในกรณีที่ได้รับในปริมาณมากหรือติดต่อกันเป็นเวลานาน ฝุ่นพิษเหล่านี้จะสะสมในเนื้อเยื่อปอดทำให้การทำงานของปอดเสื่อมลง และเพิ่มโอกาสในการเป็นโรคมะเร็งปอดอีกด้วย มลพิษทางอากาศนี้ยังส่งผลต่อการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์ ทำให้ทารกแรกเกิดมีน้ำหนักน้อยกว่าปกติ

5 วิธีการป้องกันฝุ่นและมลภาวะจากภายนอกให้กับบ้าน
  1. ปิดประตู-หน้าต่างให้มิดชิด การอยู่ในบ้านที่เปิดประตูหรือหน้าต่างค้างไว้ตลอดเวลาก็ไม่ต่างจากการอยู่นอกบ้าน ในช่วงที่เกิดวิกฤติฝุ่น จึงควรปิดประตู หน้าต่างให้มิดชิด ปราศจากช่องว่างที่อาจทำให้ฝุ่น PM 2.5 เข้าสู่ตัวบ้านจะช่วยลดปริมาณฝุ่นลงได้
  2. พัดลม+เครื่องฟอกอากาศ = ฝุ่นลดลง สำหรับบ้านที่ไม่ได้ติดตั้งเครื่องปรับอากาศ สามารถใช้พัดลมร่วมกับเครื่องฟอกอากาศชนิดที่มีแผ่นกรอง HEPA เพื่อลดปริมาณฝุ่นได้เช่นเดียวกัน โดยอย่าลืมที่จะปิดประตูหน้าต่างทุกบาน
  3. ดูแลความสะอาดเครื่องปรับอากาศอย่างสม่ำเสมอ ระบบปรับอากาศและแผ่นกรองอากาศที่ได้รับการทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอจะช่วยลดปริมาณฝุ่นควันได้อย่างมีประสิทธิภาพ
  4. หมั่นทำความสะอาดบ้าน เนื่องจาก PM 2.5 นั้นมีขนาดที่เล็ก จึงเล็ดลอดเข้าสู่ตัวบ้านได้แม้จะปิดบ้านไว้เป็นอย่างดี ควรทำความสะอาดบ้านให้บ่อยขึ้นโดยใช้ผ้าชุบน้ำบิดหมาดเช็ดของใช้ในบ้านก็จะช่วยป้องกันอันตรายจากฝุ่นพิษได้อีกทางหนึ่ง และยังเป็นการออกกำลังกายไปในตัวอีกด้วย
  5. ปรับปรุงคุณภาพอากาศภายในอาคาร หลีกเลี่ยงการดึงอากาศจากภายนอกเข้าสู่ตัวบ้านโดยการปรับเครื่องปรับอากาศให้ใช้อากาศภายในอาคารหมุนเวียนแทนที่ รวมถึงคอยดูแลให้บริเวณบ้านปราศจากควัน หลีกเลี่ยงการเผาไหม้ต่าง ๆ เช่น ธูป เทียน การปิ้งย่าง เป็นต้น
  6. เครื่องฟอกอากาศที่มีระบบกรองอนุภาคฝุ่นละอองประสิทธิภาพสูง อีกตัวช่วยที่มีไว้ไม่เสียหลาย ก็คือ การใช้ตัวช่วยดี ๆ อย่างเครื่องฟอกอากาศที่ช่วยตอบโจทย์การแก้ปัญหามลพิษได้อย่างลงตั

มลภาวะทางอากาศ Indoor air quality (IAQ) หรือคุณภาพอากาศภายในอาคาร คือ ปริมาณที่บ่งชี้คุณภาพของอากาศภายในตัวอาคาร ซึ่งจะสัมพันธ์กับสุขภาพและความสะดวกสบาย โดยจะพิจารณาได้จากปริมาณของก๊าซต่าง ๆ ดังนี้ คาร์บอนไดออกไซด์ สารไอระเหย (volatile organic compounds) ฝุ่นละออง แบคทีเรีย เชื้อรา โดยแหล่งกำเนิดของมลพิษภายในอาคารที่สำคัญ เช่น พรม ผ้าม่าน สี เฟอร์นิเจอร์ เครื่องถ่ายเอกสาร หนังสือ เอกสารต่าง ๆ เป็นต้น

ความอันตรายของ มลภาวะทางอากาศ ภายในที่ทำงาน

เนื่องจากคนทั่วไปมักคิดว่ามลภาวะทางอากาศจากภายนอกเป็นอันตรายมาก เช่น ควันของรถยนต์ การเผาไหม้ ฝุ่นละอองตามท้องถนน เป็นต้น จึงทำให้เราจะป้องกันอันตรายจากมลภาวะจากภายนอกอาคารเป็นอย่างดี ส่วนมลภาวะทางอากาศภายในอาคารหรือที่ทำงานเป็นสิ่งที่คนทั่วไม่ได้ให้ความสำคัญจึงได้ป้องกันอันตรายที่อาจเกิดขึ้นได้ จึงทำให้พบว่าสถิตของการป่วยและเป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจากมลภาวะทางอากาศ จะเกิดจากมลภาวะทางอากาศภายในที่ทำงานสูงกว่าภายนอกถึงสองเท่า โรคทั่วไปที่พบได้จากมลภาวะทางอากาศ ได้แก่ ภูมิแพ้ การระคายเคืองของเยื่อบุตาและจมูก อาการเจ็บคอ โรคหอบหืด การติดต่อของโรคทางเดินหายใจต่าง ๆ โรคปอด

เครื่องฟอกอากาศเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้าที่สามารถช่วยลดมลภาวะในอากาศได้เป็นอย่างดี เครื่องฟอกอากาศยี่ห้อ AWAC รุ่น AP500HP เป็นเครื่องฟอกอากาศที่ใช้แผ่นกรองแบบ HEPA FILTER กรองอนุภาคได้ละเอียดถึง 0.3 ไมครอน มีประสิทธิภาพการกรองสูงถึง 99.99% ด้วยระบบการฟอกอากาศ 6 ขั้นตอน คือ

  1. แผ่นกรองหยาบ Pre Filterทำหน้าที่ดักจับฝุ่นละออง อนุภาคขนาดใหญ่ ที่แขวนลอยอยู่ในอากาศ
  2. Ionizerกระบวนการสร้างประจุไฟฟ้าลบ ทำหน้าที่เหนี่ยวนำอนุภาคขนาดเล็กให้ถูกเก็บกักไว้ในชุดกรอง
  3. HepaFilter ทำหน้าที่ดักจับฝุ่นละอองและอนุภาคขนาดเล็กได้ถึง0.3 ไมครอน ประสิทธิภาพในการกรอง 99.99 %ซึ่งได้รับมาตรฐาน European Standard EN 1822:2009
  4. Zeoliteทำหน้าที่ดูดซับสารพิษ ก๊าซพิษต่างๆ เช่น ก๊าซไอโอดีน ตะกั่ว แอมโมเนีย ฯลฯ
  5. Activated Carbonทำหน้าที่ดูดซับและขจัดกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์
  6. Ozonizer (Option) กระบวนการแตกตัวของอะตอมออกซิเจน และรวมตัวเป็นโมเลกุลใหม่ ให้ผลในการฆ่าเชื้อโรค เชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัสต่างๆ อย่างได้ผลรวมถึงการสลายกลิ่น ไอระเหยของสารเคมี แก๊ซพิษต่างๆ
1. คุณลักษณะของโอโซน

โอโซน (ชื่อทางวิทยาศาสตร์คือ หรือ Trioxygen) เกิดจากการรวมตัวกันของ ออกซิเจน 3 อะตอม โดยใช้อากาศเป็นวัตถุดิบ ในการผลิตผ่านกระแสไฟฟ้าแรงสูง เพื่อให้เกิดไอออนในอากาศจนรวมตัวกัน โอโซน เป็นก๊าซที่ไม่เสถียรและสลายได้ด้วยตนเอง ถูกค้นพบครั้งแรกโดยนักเคมีชาวเยอรมัน ชื่อ คริสเตียน ฟรีดริช เชิน ไบน์ ความหนาแน่น 2.14 กก.ต่อลบม. ปริมาตรเชิงโมล 48 ก./โมล จุดหลอมเหลว -192 C จุดเดือด -112 C ละลายในน้ำกรด ซัลฟิวริกคารบอนเตตระคลอไรด์ที่ระดับ 0.01-0.05 ppm ค่อนข้างมีกลิ่นและระคายเคืองต่อดวงตาได้i ตามธรรมชาตินั้น โอโซนเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในชั้นบรรยากาศที่ช่วยรักษาสมดุลของระดับแบคทีเรียในธรรมชาติโดยโอโซนเกิดจากประจุไฟฟ้าระหว่างที่เกิดพายุฝนฟ้าคะนองและจะถูกพบในชั้นบรรยากาศสตราโตสเฟียร์และโทรโปสเฟียร์1 ชั้นบรรยากาศโอโซน ส่วนใหญ่พบในชั้นสตราโตสเฟียร์โดยมีคุณสมบัติในการปกป้องโลกจากรังสีอุลตร้าไวโอเลตที่จะส่งผลกระทบกับมนุษย์และสิ่งแวดล้อม

2. สสารทำความสะอาดที่มีประสิทธิภาพสูง

เนื่องด้วยความสามารถในการเป็นตัวออกซิไดซ์สูงจึงมีประสิทธิภาพในการกำจัดเชื้อโรค แบคทีเรียในน้ำ อากาศ และการทำลายเชื้อในวงกว้าง เนื่องด้วยสภาพที่ไม่เสถียรและแตกตัวออกเป็นโมเลกุลออกซิเจนได้อย่างรวดเร็ว จึงทำให้โอโซนไม่มีความเป็นพิษเมื่อเทียบกับสารเคมีที่ใช้ในการฆ่าเชื้อทั่วไป นอกจากนี้โอโซนยังมีคุณสมบัติในการทำลายเชื้อรา และมีประสิทธิภาพในการฆ่าเชื้อมากกว่าคลอรีน เนื่องด้วยคุณลักษณะพิเศษแบบนี้โอโซนจึงถูกนำมาใช้ในหลายประเทศทั่วโลกเพื่อฆ่าเชื้อและกำจัดกลิ่น ข้อดีในการใช้โอโซนหลังจากการฆ่าเชื้อโรคนั้น คือ ตัวโอโซนสามารถเปลี่ยนรูปกลับเป็นสารบริสุทธ์อย่างออกซิเจนได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้โอโซนยังถูกใช้ในกระบวนการบำบัดน้ำเสียเพื่อกำจัดสารอินทรีย์ธรรมชาติ (Natural Organic Matter – NOM) โดยน้ำจะถูกบำบัดผ่านกระบวนการโอโซน ขั้นตอนจะเริ่มจากการที่โอโซนถูกผสมลงไปในน้ำเพื่อให้เกิดปฎิกิริยาออกซิไดซ์กับสารตกค้าง เคมีภัณฑ์ เหล็กและแมงกานีส จากนั้นนำไปสู่กระบวนการกรองชีวภาพ (Biofilter) ที่ผ่านชั้นสารกรอง อาจกล่าวได้ว่า กระบวนการกรองชีวภาพโดยใช้โอโซนเป็นกระบวนการบำบัดน้ำนั้นมี ประสิทธิภาพสูงสุดในการทำลายสารอินทรีย์คาร์บอน รสและกลิ่นที่ไม่พึงประสงค์

3. ประโยชน์ของโอโซนในระบบการผลิตและในครัวเรือน

ในระบบการผลิตสามารถใช้โอโซนเพื่อการกำจัดสารกำจัดศัตรูพืชในกระบวนการผลิต อาหารหรือแม้กระทั่งใ นภาคอุตสาหกรรมเพื่อบำบัดน้ำเสียรวมถึงการซักฟอกเพื่อเป็นการลดการใช้สารเคมีซักฟอกน้ำ และพลังงานในการทำให้น้ำร้อนเพื่อใช้ฆ่าเชื้อโรค นอกจากนี้การใช้โอโซนเพื่อการกำจัดกลิ่นหรือใช้แทนคลอรีนในการผลิตน้ำประปาหรือ ผลิตน้ำ ozonated รวมทั้งใช้ในการล้างผัก ผลไม้เพื่อกำจัดสารกำจัดศัตรูพืชและอาหารสดเพื่อเป็นการขจัดกลิ่นอับiv จากบทความวารสาร Clinical Pathology ได้มีการ ทดลองนำเครื่องผลิตโอโซนมาใช้ในบ้าน ผลการทดลองนั้ นพบว่าความสามารถของ โอโซนในการทำลายเชื้อแบคทีเรียนั้นใช้ความหนาแน่นของโอโซนมากกว่า 0.3 ppm (parts per million) ในช่วงเวลาหกชั่วโมง สำหรับห้องขนาดกลาง

4. ประโยชน์ของโอโซนในวงการแพทย์

เนื่องด้วยโอโซนใช้กระบวนการปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (oxidation) ทำให้มีคุณสมบัติในการทำลายเชื้อโรคได้อย่างรวดเร็วมากกว่าคลอรีนถึง 3,125 เท่า ดังนั้ น จึงมีการนำโอโซนไปใช้ในการฆ่าเชื้อโรคทั้ง ในห้องผ่าตัดและขจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ นอกจากนี้ มีการนำระบบโอโซนมาใช้ในหน่วยไตเทียมของ โรงพยาบาลสงฆ์ โดยส่วนใหญ่นั้ น สถานพยาบาลจะใช้การฆ่าเชื้อโรคโดยสารเคมีเป็นหลัก มีการนำ สารฟอร์มาลดีไฮด์มาใช้ โดยใช้เวลาเกือบหนึ่งวันในการทำความสะอาดแต่เมื่อมีการนำเครื่องผลิต โอโซนมาใช้กับน้ำ reversed osmosis (น้ำ RO) ที่ใช้ในระบบท่อของไตเทียมเพื่อฆ่าเชื้อโรค ซึ่งใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วโมงและเพียงสัปดาห์ละ 1 ครั้งเท่านั้ น ส่งผลให้ลดปริมาณน้ำที่ใช้ในการฆ่าเชื้อจากวิธีเดิม ได้มากและลดปริมาณน้ำเสียจากระบบได้มากขึ้นเมื่อเทียบกระบวนการใช้ในระยะเวลาหนึ่งปีvi จาก งานวิจัยของประเทศญี่ปุ่น เรื่องการทำห้องปลอดเชื้อโดยใช้กระบวนการโอโซนนั้นเพื่อช่วยให้เกิดห้อง ปลอดเชื้อแบบชีวภาพ ที่ผ่านมานั้นสารฟอร์มาลดีไฮด์ถูกนำมาใช้ในการทำความสะอาดห้องปลอดเชื้อ แต่เนื่องด้วยข้อจำกัด ในการมองหาทางเลือกอื่นที่เป็นพิษน้อยกว่า ทางคณะผู้วิจัยได้พัฒนาระบบทำความสะอาดผ่านโอโซนโดยทดลองความ หนาแน่นของโอโซนที่ 200 ppm ค่าความชื้นที่มากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์และใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ผลการศึกษาพบว่า ไม่มี ผลกระทบด้านลบจากการทำห้องปลอดเชื้อโดยใช้ระบบโอโซน